ย้อนตำนานนักเตะ ทีมชาติไทยยุค 70 วันนี้เราจะพาแฟนบอลทุกท่าน ไปรู้จักกับ นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ นักเตะที่ถือว่า เป็นตำนานและเก่งกาจมากที่สุดคนหนึ่ง ที่ทีมชาติไทยเคยมีมา
เจ้าของฉายา “สิงห์สนามศุภฯ” เกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2490 ที่จังหวัดพิษณุโลก ชอบเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก โดยเฉพาะ กีฬาวิ่งแข่ง ส่วนในด้านกีฬาฟุตบอล เจ้าตัวเริ่มเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู แต่ด้วยความสูงเพียง 155 เซนติเมตร ดูแล้วคงไม่สามารถรุ่งในตำแหน่งนี้ได้ จึงเปลี่ยนมาเล่นตำแหน่งกองหน้า
เด็กชาย “ต้อง” คือชื่อเล่นของเขา และมีโค้ชฟุตบอลคนแรกคือ พ่อเลี้ยง ที่เป็นอดีตนักเตะทีมชาติเวียดนาม และอพยพเข้ามาอยู่เมืองไทย เป็นคนสอนทักษะ และขัดเกลาฝีเท้า และด้วยพรแสวง จากส่วนสูงที่เสียเปรียบคนอื่น แต่มีความไวจากการเป็นนักกีฬาวิ่งอยู่แล้ว ทำให้ นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ เริ่มแจ้งเกิดกับทีมโรงเรียน และพาทีมชนะหลายๆ รายการในระดับจังหวัด
จนปี พ.ศ.2507 เด็กหนุ่มวัย 17 ปี ตัดสินใจเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร เป็นครั้งแรก เพื่อหวังเข้าโรงเรียนดีๆ และโอกาสในการได้เป็นนักกีฬา แต่เจ้าตัว ก็ต้องผ่านบททดสอบหลายๆ อย่าง จนมีครั้งหนึ่ง ที่เขาไม่สามารถคัดติดทีมแห่งหนึ่งได้ เพราะส่วนสูงไม่ผ่านเกณฑ์ ที่ทางโรงเรียนนั้นต้องการ
อย่างไรก็ตาม เด็กจากเมืองสองแคว ไม่ได้ย่อท้อ กลับยิ่งทำให้เขา มุ่งมั่นกว่าเดิม และในที่สุด ก็ได้เวียนในเมืองหลวงสมใจ กับโรงเรียนพลานามัย และ โรงเรียนปานะพันธ์วิทยา
ชื่อเสียงของ นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ เริ่มโดดเด่น ในฟุตบอลระดับเยาวชน จนมีโอกาส ไปคัดตัวเยาวชนทีมชาติไทย และติดทีมชาติชุดเยาวชนครั้งแรก ในปี พ.ศ.2509 โดยไปแข่งขันชิงแชมป์เอเชีย ที่ประเทศฟิลิปินส์
เพียงหนึ่งปีต่อมา ก็ก้าวกระโดดขึ้นไป ติดทีมชาติไทยชุดใหญ่ โดยรายการแรกคือ การไปแข่งขันฟุตบอล ฉลองเอกราชเวียดนาม ซึ่งเจ้าตัว ลงเล่นในตำแหน่งปีกขวา และกลายเป็นตำแหน่งหลัก ของเจ้าของฉายา “สิงห์สนามศุภฯ” หลอดสิบกว่าปี ที่เล่นให้ทีมชาติไทย
หลังจากนั้น นิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ ก็มีชื่อติดทีมชาติไทย ตลอดและแฟนบอล เริ่มรู้จักนักเตะรายนี้ดี โดยเริ่มจากกีฬาแหลมทอง ปีพ.ศ. 2510 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพ โดยครั้งนั้น ทีมชาติไทย ได้เหรียญทองแดง แต่ฟอร์มการเล่นของดาวรุ่งรายนี้ เริ่มเป็นที่ขึ้นชอบของแฟนบอล

ปี พ.ศ. 2511 นับเป็นเกียรติยศสำคัญ ของวงการฟุตบอลไทย เมื่อทีมชาติไทย ชนะเลิศกลุ่ม 2 ในการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย เหนือทีมเต็งร่วมกลุ่ม อย่างอิรัก และ อินโดนีเซีย
โดยนิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ เป็นหนึ่งในขุนพลนักเตะตัวหลัก และโชว์ฟอร์ม ด้วยการเล่นที่คล่องแคล่ว รวดเร็ว จนกลายเป็น ขวัญใจแฟนบอล และทีมชาติไทย ได้ผ่านเข้าไปเล่น ฟุตบอลโอลิมปิก รอบสุดท้าย ที่ประเทศเม็กซิโก
ชื่อของนิวัฒน์ ศรีสวัสดิ์ ยังอยู่คู่กับทีมชาติไทยเป็นสิบปี ผ่านทัวร์นาเมนต์รายการต่างๆ กว่า 100 นัด และความโด่งดัง ยังได้เป็นพรีเซนเตอร์สินค้าอีกหลายแบนต์ นับว่าเป็นนักฟุตบอลยอดนิยมแห่งยุคเลย
จนมาถึงนัดสุดท้าย ของการรับใช้ชาติ ซึ่งการแข่งขันนัดนี้ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน ว่านัตนั้น จะเป็นนัดสุดท้าย ของตำนานคนนี้ โตยเกิดขึ้น ในนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลคิงส์คัพ ครั้งที่ 12 ปี พ.ศ.2522 ซึ่งทีมชาติไทย ชุดเอ ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ กับ ทีมชาติเกาหลีใต้ และประตูชัยในเกมนั้น เกิดขึ้นจากจังหวะที่ “กัปตันทีมนิวัฒน์” ผ่านบอลให้ ดาวยศ ดารา น้องชายต่างบิดา เป็นคนยิงประตูชัย ให้ทีมชาติไทย เฉือนชนะ ทีมชาติเกาหลีใต้ 1 – 0 และนับเป็นการชนะเลิศ ถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ แบบทีมเดียวครั้งแรก ซึ่งสื่อมวลชนสมัยนั้น ใช้คำว่า “ชนะเลิศเต็มใบ” หลังจากที่ไทย เคยได้แชมป์ ร่วมกับมาเลเซียใน ปี พ.ศ.2519
หลังจากจบเกม ที่ไทยคว้าแชมป์ ฟุตบอลคิงส์คัพ สิ่งที่แฟนบอลในสนาม ไม่คาดคิด ก็เกิดขึ้น เมื่อ กัปตันนิวัฒน์ ประกาศอำลาสนาม ต่อหน้าแฟนบอล ปิดตำนานการค้าแข้ง ให้ทีมชาติไทยกว่า 12 ปี และได้แชมป์ ถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ที่เจ้าของฉายา “สิงห์สนามศุภฯ” รอคอย มาตลอดชีวิตการเล่นฟุตบอล